บทที่ 4 ตอนที่ 4
“เตย ใครมาส่งแกวะ โคตรหล่อเลยว่ะ” เพื่อนของหล่อนเห็นเข้าพอดีตอนที่อเล็กซิสเดินตามลงมาหา เพราะหล่อนเผอเรอทำกระเป๋าเงินตกเอาไว้บนรถสปอร์ต
“เอ่อ... คนที่รู้จักน่ะ”
“จริงอ่ะ”
“จริงสิ ไม่มีอะไรหรอก”
หล่อนอธิบาย และก้าวเดินเพื่อจะตรงไปยังคณะของตนเอง แต่เพื่อนสนิทก็ยังเดินตามมาเซ้าซี้ต่ออีก
“ไม่อยากเชื่ออ่ะ แกจะต้องมีซัมติงอะไรกับพ่อสุดหล่อนั่นแน่เลย ไม่อย่างนั้นพ่อสุดหล่อนั่นไม่มองแกตาเยิ้มแบบนั้นหรอก”
“ไม่มีอะไรจริงๆ นก”
“ไม่เชื่อ”
“เชื่อฉันเถอะ มันไม่มีอะไรจริงๆ เขาก็แค่ผ่านมาพอดี เลยรับฉันติดรถมาด้วย”
รัชนกยังคงส่ายหน้าดิก และพยายามจะแซวต่อ แต่ก็มีเพื่อนของเจนจิราเดินเข้ามาหาเสียก่อน
“อย่ามาโกหกหน่อยเลยเตยหอม”
“ฉันไม่ได้โกหกนะยุ้ย”
“แล้วที่ร้านอาหารเช้าล่ะ คืออะไร... หึ... เตรียมหาคำแก้ตัวกับยายเจนให้ดีๆ เถอะ”
“อ้าว แล้วยายเจนตัวร้ายมาเกี่ยวอะไรด้วยนังยุ้ย” รัชนกเค้นเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“ก็เพราะผู้ชายคนนี้คือคู่หมั้นคู่หมายของยายเจนไงล่ะ”
“จริงอ่ะเตย” รัชนกหันมาถามเตยหอม ซึ่งเตยหอมก็พยักหน้าตอบรับ
“หึ... มีคู่หมั้นหล่อลากดินขนาดนี้แล้ว แต่นังเจนเพื่อนรักของแกยังแรดไล่กินผู้ชายทั้งมอได้อีกนะ แม่ง... น่ายกย่องว่ะ” รัชนกพูดอย่างทึ่งจัด
“ปากดีไปนะนังนก เดี๋ยวยายเจนมาเมื่อไหร่ แกสองคนเละเป็นโจ๊กแน่”
“มาเลย ไม่กลัวหรอก” รัชนกท้าทาย
“มึงไม่กลัว แต่นังเตยมันต้องกลัว เพราะมันเป็นขี้ข้ารองตีนของยายเจน จึงไหมล่ะนังเตย” ปัทมายิ้มเยาะ มองมาที่เตยหอมอย่างดูแคลน
“ไปให้พ้นเลยนะ อียุ้ยบ้า” รัชนกปกป้องเตยหอม
“ไปก็ได้ หึหึ”
ปัทมาเดินจากไปแล้ว รัชนกจึงหันมาปลอบเตยหอม
“อย่าคิดมากนะเตย อียุ้ยแม่งก็ปากดีไปอย่างนั้นแหละ ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเป็นคู่หมั้นนังเจนมันจริงๆ เหรอ”
“อืม”
“โธ่ เสียดายของชะมัด นี่ถ้าเขาเป็นของแก ฉันจะไม่อิจฉาแบบนี้เลย” รัชนกบ่นอุบ ก่อนจะจูงมือของเตยหอมเดินไปยังคณะที่พวกตนเล่าเรียน
“สวัสดีตอนเช้าครับคุณพ่อ”
ฟาเบียนเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอแท็บเล็ตที่กำลังอ่านข่าวเศรษฐกิจอยู่ มองลูกชายที่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามาทักทาย
“สวัสดีไอ้ลูกรัก ว่าแต่ทำไมวันนี้หน้าตาแช่มชื่นนักล่ะ”
ผู้เป็นลูกชายเดินผิวปากเข้ามาหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาวริมหน้าต่างกระจก
“คงเพราะผมได้กินอาหารเช้าตรงเวลามั้งครับ”
ฟาเบียนหัวเราะชอบใจ “นี่แกไปเอามุกตลกฝืดๆ แบบนี้มาจากที่ไหนวะ”
“มันไม่ใช่มุกนะครับคุณพ่อ แต่มันคือเรื่องจริง เมื่อตอนเจ็ดโมงผมจอดรถข้างทาง และรับประทานอาหารเช้าครับ”
“ผีเข้าแกหรือไงวะ ปกติเห็นดื่มแต่กาแฟดำ”
ผู้เป็นลูกชายไหวไหล่น้อยๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มละไม “ก็มันอยากขึ้นมากะทันหันนี่ครับ”
คนเป็นพ่อหัวเราะร่วนอยู่สักพักก็เอ่ยถาม “เมื่อเช้าแม่แกคุยอะไรด้วยหรือเปล่า”
“เปล่านี่ครับ มีอะไรหรือครับพ่อ”
“ก็เรื่องแต่งงานกับหนูเจนจิราไง”
สีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของอเล็กซิสจางหายไป และก็มีความเบื่อหน่ายเข้ามาแทนที่
“ไหนว่ารอยายนั่นเรียนจบก่อนไงครับ”
“ก็รอตามนั้นนั่นแหละ แต่เรื่องที่แม่จะคุยกับแกน่ะ น่าจะเป็นเรื่องสินสอดมากกว่า”
“อย่ามาปรึกษาผมเรื่องนี้เลยครับ ผมไม่มีความเห็น สำหรับผม แค่แต่งงานตามหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อกับแม่พอครับ”
อเล็กซิสผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ก่อนจะเอ่ยกับบิดา
“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“ตามสบายเถอะ แล้วเย็นนี้อย่าลืมว่าแกมีนัดรับประทานอาหารค่ำกับครอบครัวหนูเจนล่ะ”
“ครับ”
ฟาเบียนมองตามร่างสูงใหญ่ของลูกชายเพียงคนเดียวไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรอเล็กซิสได้ เมื่อเมียรักดันไปให้คำสัญญากับเพื่อนซี้ของตนเองเอาไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน
“นังเจน... ทางนี้”
เจนจิราที่เพิ่งก้าวลงจากรถสปอร์ตสีแดงเพลิง หันไปตามเสียงเรียกก็เห็นปัทมายืนกวักมือเรียกอยู่
“นี่แกไม่เข้าเรียนหรือไงนังยุ้ย”
“แหม ก็เหมือนแกนั่นแหละยะ ที่โดดเรียนไปครึ่งค่อนวันน่ะ ว่าแต่ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดไปกี่ยกล่ะ” ปัทมาถามอย่างรู้ทัน
เจนจิรายิ้มรับหน้าตาเบิกบาน “เท่าที่นับนะ สามหรือสี่รอบนี่แหละ จะบอกอะไรให้นะแก พี่อ๊อดใหญ่มาก แถมเอวดุฉิบหาย ฉันนี่ร่อนตามแทบไม่ทันเลย แต่ฟินว่ะ”
“แกก็มัวแต่ร่อนรับจ็อบพิเศษอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวจ็อบหลักก็ถูกขโมยไปจนได้หรอก”
“แกหมายถึงอะไรวะนังยุ้ย”
“ก็พ่อคู่หมั้นสุดหล่อของแกไงล่ะ”
คำพูดของปัทมาทำให้เจนจิราสนใจขึ้นมาทันที “แกหมายถึงพี่อเล็กเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ นี่แกรู้ไหมว่าเมื่อเช้าฉันเจอพี่อเล็กของแกด้วยล่ะ”
“เจอที่ไหนวะ”
“ที่ร้านอาหารตอนเช้า กับที่มอนี่”
คิ้วโก่งที่ผ่านการเขียนทับมาอย่างดีของเจนจิราเลิกสูงด้วยความประหลาดใจ
“พี่อเล็กมาทำอะไรแถวนี้วะ”
“ก็มาส่งขี้ข้าของแกไงนังเจน”
เจนจิรายังไม่ค่อยเข้าใจนัก “แกหมายความว่ายังไงวะนังยุ้ย พูดให้เคลียร์ๆ สิวะ”
“เมื่อเช้าฉันเห็นพี่อเล็กของแกพานังเตยไปกินข้าวเช้า แถมยังขับมาส่งมันที่นี่อีก”
“ฮะ?!”
“ไม่ฮะหรอก มันเรื่องจริง ฉันเห็นกับตาเลยล่ะ” ปัทมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก
เจนจิรากำมือแน่น กัดฟันจนแทบจะหักคาปาก
“อีเตยยยย...”
“นั่นแกจะไปไหนวะ นังเจน” ปัทมารีบเดินตามเจนจิรามาติดๆ เมื่ออีกฝ่ายก้าวเดินเร็วๆ
“ฉันก็จะไปชำระความกับน้องเตยไงล่ะ”
ปัทมาหัวเราะสะใจ และรีบสนับสนุน “ดีเลย ตบมันให้ตายคามือเลยนะ เห็นเงียบๆ เรียบร้อยแบบนั้น แม่งแรดฉิบหาย”
“แกไม่ต้องกังวลหรอกนังยุ้ย เพราะถ้าวันนี้เลือดนังเตยมันไม่กบปาก อย่ามาเรียกฉันว่าเจนจิราเลย”
